เกี่ยวกับโครงการ

ที่มา ความสำคัญ ปัญหา และเป้าหมายหลักของโครงการ

ที่มาโครงการ

จากแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มุ่งให้สิ่งแวดล้อมได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบ เพื่อลดมลพิษและผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศ จากรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Report ปี 2564 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 43 จาก 165 ประเทศ ลดลงจากอันดับ 41 ในปี 2563 แสดงถึงการขับเคลื่อน SDGs 17 เป้าหมายที่ยังทรงตัว (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2564) อย่างไรก็ดี เป้าหมายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังไม่ถึงระดับ “เขียว (Green)” เนื่องจากปัญหามลพิษทางอากาศ น้ำ ขยะอันตราย และสารเคมีจากภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และครัวเรือน รวมทั้งอัตราป่วยจากพิษสารกำจัดศัตรูพืชที่เพิ่มขึ้นเป็น 17.12 ต่อประชากรแสนราย ในปี 2560 (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2560)

พื้นที่ราบลุ่มของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางนั้น มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชุมชนที่อยู่รายรอบเป็นอย่างมากเพราะเป็นทั้งพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากการทับถมของดินตะกอนที่ถูกพัดพามาทุกปี รวมทั้งมีสรรพชีวิตทั้งพืชและสัตว์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่นานาชนิด นับได้ว่าเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงแหล่งหนึ่งที่สำคัญในระบบนิเวศของภาคกลาง เนื่องจากมีความแตกต่างหลากหลายของสภาพภูมิสัณฐานและระบบนิเวศย่อยที่สลับซับซ้อน

จังหวัดอ่างทองตั้งอยู่ในเขตภาคกลางและเป็นเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณทางประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเป็นที่รู้จักในนามเมืองวิเศษชัยชาญ ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน 2 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแม่น้ำสายหลักเข้าสู่จังหวัดอ่างทองที่อำเภอไชโย แล้วไหลจากทิศเหนือไปทิศใต้ โดยผ่านเมืองอ่างทอง อำเภอป่าโมก เป็นระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร แต่ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อการเกษตรได้ แต่เป็นการใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภคเท่านั้น และ แม่น้ำน้อย เป็นลำน้ำธรรมชาติรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ไหลผ่านพื้นที่จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี เข้าสู่จังหวัดอ่างทองที่ตำบลองค์รักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ รวมระยะทางที่ผ่านจังหวัดอ่างทอง ประมาณ 50 กิโลเมตร ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคในเขตอำเภอโพธิ์ทองและอำเภอวิเศษชัยชาญ เนื่องจากสามารถควบคุมระดับน้ำให้อยู่เต็มฝั่งพร้อมที่จะนำน้ำมาสู่พื้นที่การเกษตรได้โดยสะดวก

จากข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพน้ำแม่น้ำสายหลักทั้ง 2 สายของจังหวัดอ่างทอง โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 6 นนทบุรี พบว่า แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ (DO) เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เท่ากับ 5.8 และ 5.9 มิลลิกรัมต่อลิตร จัดอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ส่วน แม่น้ำน้อย นั้นมีปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ (DO) เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เท่ากับ 4.0 มิลลิกรัมต่อลิตร จัดอยู่ในเกณฑ์พอใช้เช่นกัน

โดยแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่สำคัญ 4 แหล่ง ได้แก่

  • ชุมชน ร้อยละ 73
  • อุตสาหกรรม ร้อยละ 10
  • การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ร้อยละ 9
  • ปศุสัตว์ ร้อยละ 8

ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทองร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 6 นนทบุรี ได้ดำเนินการเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำแหล่งน้ำที่สำคัญทั้งสองสาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 2 สถานี และแม่น้ำน้อย จำนวน 1 สถานี โดยมีการเก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 6 นนทบุรี ทุก 3 เดือน

นอกจากนี้ จังหวัดอ่างทองมีการจัดตั้งเครือข่ายภาคประชาชน จำนวน 10 เครือข่าย และเครือข่ายเยาวชน จำนวน 10 เครือข่าย เฝ้าระวังคุณภาพน้ำกระจายอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย (สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทอง, 2565)

อย่างไรก็ตาม แม้หน่วยงานทุกภาคส่วนจะพยายามแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง แต่จะเห็นได้ว่าปัญหาด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันยังมิได้ลดน้อยลง หลายประเด็นปัญหาเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และต้องมีกระบวนการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องรับกับบริบทของพื้นที่ ในขณะเดียวกันต้องส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนในการเสริมสร้างพฤติกรรมความรับผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า

อนึ่ง การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชนไม่ว่าจะเป็นชุมชนเมืองหรือชนบทของจังหวัดอ่างทอง จำเป็นต้องพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกัน คือ การสร้างความรอบรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้ชุมชนด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างองค์ความรู้กับภูมิปัญญาของชุมชนนั้น และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้ชุมชนสนใจและเกิดความตระหนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะจังหวัดอ่างทองมีการขยายตัวของสังคมเมืองเพิ่มมากขึ้นและทำให้เกิดลักษณะของวัฒนธรรมร่วม ซึ่งมีความสำคัญต่อมนุษย์ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

ชุมชนมีการใช้ประโยชน์ ดัดแปลง กระจายรวมทั้งดูแลฟื้นฟูที่นับว่าเป็น ระบบการจัดการทรัพยากร ขึ้นมาเพื่อให้เกิดเป็นแนวทางควบคุมให้สอดคล้องกับพื้นฐานทางสังคม วัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ในการอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยา โดยเน้นให้ชุมชนมีความสามารถในการปรับตัวบนความแตกต่าง และการใช้แนวทาง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เป็นเครื่องมือในออกแบบกิจกรรมการอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยาของชุมชน เพื่อตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติหรือแผนการอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างมีส่วนร่วม เสริมสร้างเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้มแข็ง คุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดีสืบต่อไป


ที่มา:
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2564).
- สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2560). http://www.onep.go.th
- สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทอง. (2565).

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

ศึกษาการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียน

เพื่อศึกษาการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียน ความเป็นมา กระบวนการกลุ่ม รูปแบบ และบทบาทการมีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยาของเครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดอ่างทอง

วิเคราะห์กลไกการมีส่วนร่วม

เพื่อวิเคราะห์กลไกการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยาของเครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดอ่างทอง

พัฒนารูปแบบการเพิ่มมูลค่าอย่างมีส่วนร่วม

เพื่อพัฒนารูปแบบการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดอ่างทอง

พื้นที่วิจัย

พื้นที่วิจัยคือ พื้นที่จังหวัดอ่างทองที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่

  • 1. เทศบาลตำบลป่าโมก อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
  • 2. เทศบาลตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
  • 3. เทศบาลเมืองอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
แผนที่ลักษณะการใช้ประโยชน์ของที่ดิน

แผนที่ลักษณะการใช้ประโยชน์ของที่ดินของพื้นที่วิจัย

แผนที่เส้นทางน้ำในพื้นที่วิจัย

แผนที่เส้นทางน้ำในพื้นที่วิจัย